L’Opéra Garnier, ou Palais Garnier est un des éléments structurants du IXe arrondissement de Paris et du paysage de la capitale française. Situé à l'extrémité de l'avenue de l'Opéra, près de la station de métro du même nom, l'édifice s'impose comme un monument particulièrement représentatif de l'architecture éclectique de la seconde moitié du XIXe siècle et s'inscrit dans la continuité des transformations de Paris menées à bien par Napoléon III et le préfet Haussmann.Cette construction a longtemps été considérée comme l'« Opéra de Paris », mais depuis l'ouverture de l'Opéra Bastille en 1989, on la désigne par le seul nom de son auteur : Charles Garnier. Les deux sites sont aujourd'hui regroupés au sein de l'établissement public, industriel et commercial « Opéra national de Paris ».
โอเปร่า การ์นิเย
โรงละครโอเปร่า การ์นิเย ตั้งอยู่บนเขตปลายสุดของถนนโอเปร่า ในเขตที่ 9 ของกรุงปารีส สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในสมัยจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ด้วยฝีมือการออกแบบของชาร์ล การ์นิเย ( Charles Garnier ) สถาปนิกชาวฝรั่งเศส เดิมเรียกโรงละครแห่งนี้ว่า L’Opéra de Paris แต่ต่อมามีการสร้างโรงละครแห่งใหม่ขึ้นที่ Place de la Bastille ในปี 1989
โรงละครโอเปร่าใช้เวลาก่อสร้างนาน 10 กว่าปี ใช้จิตรกร 13 คน นักประติมากรรม 73 คน และช่างปูนปั้นอีก 14 คน ระหว่างการก่อสร้างต้องเจอเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้สะดุดไปบ้าง เช่น สงครามกับปรัสเซีย เหตุการณ์ความไม่สงบจากพวก La commune de Paris และที่สำคัญการล่มสลายของจักรวรรดิที่ 2 โดยจักรพรรดินโปเลียนร่วงจากอำนาจ แถมยังเกิดไฟไหม้โรงละครในวันที่ 28 ตุลาคม 1873 อีกด้วย แต่ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์ และได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1875 ซึ่งก็เป็นสมัยของประธานาธิบดี Patrice de Mac-Mahon อย่างไรก็ตามโรงละครแห่งนี้ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์จักรวรรดิที่ 2 คือเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานและคล้ายๆสไตล์บาร็อก ในยุคจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 บรรดาไฮโซแห่งยุคให้ความนิยมชมชอบโรงละครแห่งนี้มาก
L’Opéra Garnier ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร มีความสูงถึง 56 เมตร ยาว 172 เมตร และกว้าง 101 เมตร แต่ภายในจุผู้ชมได้ 2,156 ที่นั่งเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่ต่างๆจัดสรรไว้สำหรับเวทีที่ใหญ่โตและห้องใต้ดินสำหรับแต่งกาย ห้องเก็บชุดแสดงและห้องต่างๆอีกมากมาย เพดานวาดโดยฝีมือของ Marc Chagall ในปี 1964
เมื่อ Gaston Leroux ได้เห็นห้องใต้ดินอันสลับซับซ้อนของโรงละครโอเปร่า จึงเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบทละครขึ้นมา บทละครนั้นก็คือ Le fantôme de l’Opéra หรือที่เรารู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า The phantom of the opera ซึ่งเป็นเรื่อองราวของชายหน้าตาหน้าเกลียดที่อาศัยอยู่ใต้โรงละครโดยไม่มีใครรู้และเกิดหลงรักนักร้องสาวขึ้นมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น